เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์จัดพิธีเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 33 ปี ณ บริเวณด้านข้างอาคารไทยบุรี และหอประชุมใหญ่อาคารไทยบุรี โดยภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมทางศาสนา 3 ศาสนา พิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมทั้งพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติบุคลากรและรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น
ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และนายธีระชัย เชมนะสิริ นายกสภามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เป็นประธานในพิธี โดยเริ่มต้นในช่วงเช้าด้วยพิธีทำบุญตักบาตรพระภิกษุสงฆ์ 33 รูป การสวดทักษิณานุประทานอุทิศส่วนบุญกุศลแด่ ศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รวมทั้งคณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาผู้ล่วงลับ พร้อมด้วยพิธีขอดุอาร์ตามหลักศาสนาอิสลาม และการอธิษฐานพรในศาสนาคริสต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้บริหาร บุคลากร และนักศึกษา
จากนั้นได้จัดพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำปี พ.ศ. 2567 เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว แก่บุคลากรที่ปฏิบัติงานด้วยความวิริยะอุตสาหะและความจงรักภักดี อาทิ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย จำนวน 2 ราย, ชั้นต่ำกว่าสายสะพาย 54 ราย, ชั้นดิเรกคุณาภรณ์ 18 ราย รวมถึงพิธีมอบแหวนทองคำแก่ผู้ปฏิบัติงานครบ 25 ปี จำนวน 31 ราย และของที่ระลึกสำหรับผู้ปฏิบัติงานครบ 30 ปีขึ้นไปอีก 4 ราย นอกจากนี้ ยังมีการมอบโล่ศิษย์เก่าดีเด่น จำนวน 4 ราย
ศูนย์บริหารทรัพย์สิน มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ได้ร่วมแสดงความยินดีและภาคภูมิใจต่อบุคลากรในสังกัดที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิตราชการ และเป็นเครื่องยืนยันถึงความทุ่มเท เสียสละ และความมุ่งมั่นในการพัฒนามหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง
ภายในงาน ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ได้กล่าวต้อนรับและสรุปผลการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยในรอบปี โดยเน้นย้ำถึงเป้าหมายในการยกระดับมหาวิทยาลัยสู่มาตรฐานสากล ทั้งด้านกายภาพที่สวยงามและด้านวิชาการที่มีคุณภาพ พร้อมผลักดันให้มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีแคมปัสสวยที่สุดในประเทศไทย
ด้านนายธีระชัย เชมนะสิริ นายกสภามหาวิทยาลัย ได้กล่าวอวยพรเนื่องในวันสถาปนา พร้อมเน้นย้ำการเติบโตของมหาวิทยาลัยในฐานะองค์กรที่ให้ความสำคัญกับพหุวัฒนธรรม และย้ำถึงคุณธรรมในการบริหารจัดการ เพื่อให้บุคลากรมีความสุขในการทำงาน พร้อมตั้งเป้ามุ่งสู่การเป็นมหาวิทยาลัยระดับ Top 5 ของประเทศในอนาคตอันใกล้นี้
